EU ประกาศยกเลิกธงเหลือง "ประมงผิดกฎหมาย" ด้านนายกรัฐมนตรี ยินดีรับทราบสหภาพยุโรปปลดธงเหลือง เดินหน้ายกระดับมาตรฐานการประมงไทยทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไทยบรรลุการเป็นประเทศปลอดประมงไอยูยู หรือไอยูยูฟรี อย่างสมบูรณ์ต่อไป
.
นายคาร์เมนู เวลลา ประธานคณะกรรมาธิการด้านการประมงของ EU ได้พบปะกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีของไทย ในวันนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยนายเวลลาได้แสดงความยินดีต่อความพยายามของไทยในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการต่อผู้กระทำผิด. นายเวลลากล่าวว่า "ผมรู้สึกยินดีที่ในวันนี้เรามีพันธมิตรใหม่ในการต่อสู้กับการประมงที่ผิดกฎหมาย และเรื่องดังกล่าวจะยังคงเป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกของ EU"
ก่อนหน้านี้ EU ได้ขู่ที่จะยกเลิกการนำเข้าสินค้าประมงของไทยมานานกว่า 3 ปี เนื่องจากมองว่าไทยประสบความล้มเหลวในการกวาดล้างการประมงที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ดี หลังจากที่ไทยได้มีการหารือกับ EU และมีการปฏิบัติตามเงื่อนไข ทาง EU ก็ได้ประกาศปลดธงเหลืองต่อการนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านการประมงของไทยในวันนี้
.
ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ EU ในเดือน พ.ค.ปีที่แล้วว่า รัฐบาลไทยมีความตั้งใจในการปฎิรูปการประมงให้เกิดความยั่งยืน และมีการปรับปรุงการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในภาคประมง เน้นบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินการกับผู้กระทำผิด ซึ่งจนถึงปัจจุบันได้ดำเนินคดีไปแล้วทั้งหมด 4,427 คดี มีคำตัดสินไปแล้ว 3,883 คดี หรือคิดเป็น 88% ในฐานความผิดต่างๆ เช่น ไม่ติดตั้งระบบ VMS, ไม่แจ้งจุดจอดเรือ รวมถึงความผิดเกี่ยวกับการทำประมง เช่น เรือนอกน่านน้ำ ซึ่งในคดีทั้งหมดมีความผิดด้านค้ามนุษย์ภาคประมง 88 คดี
นอกจากนี้ ไทยได้ออกคำสั่งให้เจ้าของเรือปฎิบัติในเรื่องการดูแลลูกจ้างอย่างถูกต้อง เช่น กรณีสัญญาจ้างที่ไม่สมบูรณ์ การค้างค่าจ้าง และดำเนินการลงโทษปรับกับเรือที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งมีคดีที่ศาลลงโทษปรับสูงสุดถึง 223 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการปรับปรุงกระบวนการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดให้เกิดความรวดเร็ว ถือเป็นมิติใหม่ รวมถึงมีมาตรการทางการปกครองลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดภายใน 24 วัน ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ EU มีความพอใจในภาพรวม
พล.อ.ฉัตรชัย ได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ EU ว่า การดำเนินการทั้งหมดของไทยไม่ได้เพียงให้ EU ปลดธงเหลืองให้กับไทยเท่านั้น แต่ไทยมุ่งปรับการบริหารจัดการทั้งหมดเพื่อทำให้ภาคประมงของไทยมีความยั่งยืน ซึ่ง EU ถือเป็นพันธมิตรสำคัญในการทำงานกับไทย และยืนยันว่าไทยจะผลักดันกลไกต่างๆ เพื่อต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายอย่างเต็มที่ ในโอกาสที่ไทยเป็นประธานอาเซียนในปี 2562
.
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินดีที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศปลดใบเหลืองการทำประมงไอยูยู หรือการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ของไทย ซึ่งถือเป็นเพียงประเทศเดียวที่ได้รับการพิจารณาในครั้งนี้ นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมาก
"นายกฯ ขอบคุณอียูที่เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยู นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยได้ใบเหลืองเมื่อเดือนเมษายน 2558 ที่สำคัญต้องยกความดีให้ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ทั้งชาวประมง ผู้ประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันเสียสละ อดทน และทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและปฏิบัติตามหลักสากล"
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ผู้ประกอบการประมงและชาวประมงพื้นบ้านคงเห็นถึงประโยชน์ที่ทุกคนได้ลงแรงกันมา และนับจากนี้สถานการณ์ประมงของไทยจะดีขึ้น ค้าขายได้มากขึ้น เพราะนานาประเทศมีความเชื่อมั่น
ส่วนรัฐบาลยืนยันว่า จะยกระดับมาตรฐานการประมงไทยทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไทยบรรลุการเป็นประเทศปลอดประมงไอยูยู หรือไอยูยูฟรี อย่างสมบูรณ์ต่อไป